ราคา 950 บาท
- ปุ่ม Mode : กดครั้งเดียว ปรับโหมด แต่ถ้ากดค้างไว้ จะเปิดหรือปิดการเชื่อมต่อ Bluetooth
- ในส่วนการควบคุมเพลง ปุ่ม Previous ใช้เล่นเพลงก่อนหน้า ถ้าอยู่ในโหมด Bluetooth / TF Card กดสั้นๆจะเป็นการเล่นเพลงที่ผ่านมา (เรียนรู้การกดไปสักระยะน่าจะชิน)
- ส่วนปุ่ม Play / Pause / Hand-free อันนี้ ถ้าอยู่ในโหมด Bluetooth ปกติถ้าสายเข้าก็กดรับสาย (จะมีเสียงภาษาจีนและอังกฤษบอกว่ามีสายเข้า) กดเพื่อเชื่อมต่อหรือตัดการเชื่อมต่อ Bluetooth กับอุปกรณ์ ถ้าอยู่ในโหมดการโทร กดสั้นๆ เพื่อรับสาย และวางสาย
- แต่ถ้าอยู่ในโหมด TF Card กดเพื่อ Play / Pause เพลง ถ้าต่อ AUX กดเพื่อปิดเสียง (จะมีไฟกระพริบช้าๆ)
- ปุ่ม Next ถ้าอยู่ในโหมด Bluetooth หรือ TF Card กดครั้งเดียวเล่นเพลงถัดไป อันกลมๆคือไฟแสดงสถานะ ใช้นิ้วหมุนเพื่อปรับความดังเสียงได้ (ใช้นิ้วรูดตามวงกลม หรือรูดขึ้นลงตามแนววงกลม) ตามเข็มนาฬิกา เพิ่มความดังเสียง ทวนเข็มนาฬิกา ลดความดังเสียง (แต่ไฟจะไม่ได้กระพริบตาม เพราะยังไงตอนปรับเสียงต้องปรับขณะเปิดเพลงอยู่แล้ว เราสังเกตฟังได้ว่าเสียงดังขึ้น หรือค่อยลง สังเกตว่ารูดนิ้วเพลินเกินไป จะมีเสียงแจ้ง
- (ซ้ายสุด) ปุ่ม POWER ด้านหลัง กดค้างเพื่อปิดหรือเปิดลำโพง
- (ถัดมา) ช่อง LINE-in เอาไว้เสียบกับสาย AUX ที่ให้มาพร้อมกล่อง อุปกรณ์ที่ไม่มี Bluetooth เช่น MP3 Play ก็ใช้ได้
- (ที่ 3 จากซ้าย) ช่อง TF Card เอาเพลงใส่ Micro SD เสียบตรงนี้เพื่อเล่นเพลงได้เลย ไม่ต้องต่อ Bluetooth กับอุปกรณ์ใดเลย
- พอร์ต Micro USB ชาร์จไฟ (สีแดง กำลังชาร์จ สีเขียว ชาร์จเต็ม)
แต่ถ้าต่อสาย AUX ผ่าน LINE-in เข้ากับอุปกรณ์เล่นเพลง (มือถือ เครื่องเล่นเพลง) ให้กดปุ่ม MODE 1 ครั้ง ไฟจะเปลี่ยนเป็นสีแดง ส่วนปุ่ม MODE กดเพื่อเปลี่ยนโหมด TF Card / AUX และกลับมาต่อ Bluetooth แต่ถ้าไม่มี Micro SD ในช่อง TF Card กดปุ่ม MODE ไปก็ไม่เกิดอะไรขึ้น จะใช้งานได้ก็ต่อเมื่อมีการเสียบสาย AUX หรือ Micro SD ติดตั้งไว้เท่านั้น จำสีไฟสถานะง่ายๆ MODE Bluetooth = Blue AUX = Red นะครับ
ถ้าเชื่อมต่อ Bluetooth อยู่ แล้วสาย AUX ก็ต่ออึกอุปกรณ์อยู่ แค่กดปุ่ม MODE สลับโหมดการทำงานระหว่าง Bluetooth และ AUX กับ Micro SD ได้
การใช้ลำโพงพกพา Bluetooth สามารถใช้เป็น Speaker Phone ได้ หากเชื่อมต่อผ่านสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต ถ้ามีคนโทรมาหา ตอนต่อลำโพง Bluetooth กดปุ่มรับสายเพื่อรับสายผ่านลำโพงบูลทูธได้เลย แนะนำให้ใช้บนรถก็สะดวกดีเป็น Hand-free ขับขี่ปลอดภัย แต่ถ้าเสียบสายหูฟังผ่าน AUX จะรับสายไม่ได้ ได้เฉพาะโหมด Bluetooth เท่านั้น สายเอาไว้เสียบฟังเพลงก็พอแล้ว---------------------------------------------------------------------------------
สรุป สำหรับลำโพง Kingone K8 ถือว่าให้เสียงที่ครบครัน หนักตึ๊บกับเพลงแนว EDM ที่ทดสอบเปิดนาน 2 ชั่วโมง ด้านความดังนี่ดังกระหึ่มในห้องขนาด 40 ตารางเมตรได้สบายๆ ดูหนังก็สะใจ ซีรีส์ก็อิน ฟิน ถือว่าเป็นลำโพงพกพาที่ให้มิติเสียงที่สดใส กังวาล และหนักแน่น ทั้งนี้ตัวลำโพง ไม่สามารถปรับ Equalizer ได้ จึงขึ้นอยู่กับแหล่งกำเนิดเสียงปรับลักษณะและรูปแบบของเสียง แต่ทั้งนี้ถือว่าคุ้มค่าและให้เสียงที่ดีมากๆอย่างน่าประทับใจ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น